Pages

Monday 26 December 2011

ยุคโรมันก้าวหน้า (Roman Advances)



ก่อนที่ตำราของ ‘Dioscorides‘ เกิดขึ้นเล็กน้อยนั้น ทางอาณาจักรโรมันได้แพร่อำนาจมาถึงยุโรปดินแดนรอบๆ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ภายใต้การปกครองของโรมันทำให้เกิดการปฏิวัติทางสาธารณสุขอยู่สองเรื่อง ซึ่งถือเป็นประวัติศาสตร์วงการสาธารณสุขก็ว่าได้ คือ หนึ่งการดื่มน้ำสะอาดบริสุทธิ์ และสองระบบขจัดขยะ สำหรับอนามัยส่วนบุคคล ในศตวรรษแรก จะมุ่งไปยังการอดอาหาร, ยา และการผ่าตัด โรคที่เกี่ยวกับการติดเชื้อทั้งหลายจะถูกรักษาด้วยการอดอาหารและการพักผ่อน ในหลักการของฮิปโปเครติส การปรับสมดุลย์ร่างกายโดยวิธีผ่าตัด ซึ่งโดยมากเป็นการนำเลือดออกจากร่างกาย มีการใช้น้ำผึ้งและไวน์ช่วยในการผ่าตัด นอกจากนี้ก็ใช้สมุนไพร ผักชี, ยี่หร่า รวมทั้งพืชที่ใช้เป็นยาถ่ายล้างลำไส้ นี่เป็นยุคของตำรา "Theriac"คำที่มาจากภาษากรีก Theriakon, ‘การรักษาอาการที่ถูกสัตว์กัด' Theriac เป็นการผสมผสานระหว่างต้นไม้พืชสมุนไพรหลายๆชนิดโดยมักจะมีฝิ่นเป็นพื้นฐาน แนวทางของการรักษาแบบ Theriac คือการบรรเทาอาการเท่านั้นแล้วปล่อยให้ธรรมชาติดำเนินการต่อไป กลุ่มยาที่ใช้แก้ถอนพิษที่เรียกว่า " Mithridates " เป็นที่มีชื่อของตำรา Theriac มันถูกนำมาใช้ในศตวรรษที่หนึ่ง โดยกษัตริย์แห่งพอนตุส (Pontus)อาณาจักรฝั่งทะเลดำทีมีพระนามว่า "Mithridate Eupator" ต่อมาถูกยึดครองโดยพวกโรมัน นายพลปอมเปอีเมื่อ 66 ปีก่อนคริสตกาล กษัตริย์ ไมทริเดส(Mithridate) มีพระชนม์ชีพอยู่ด้วยความกลัวว่า จะถูกลอบปลงพระชนม์ด้วยการวางยาพิษ พระองค์หาทางกำจัดประหารญาติ พี่น้อง และด้วยกลัวว่าจะถูกวางยา พระองค์จึงทดลองประกอบยาพิษต่างและลองกินแต่น้อยๆ อ่อนๆ คิดว่ามันจะได้สร้างภูมิต้านทานให้พระองค์ได้ เช่น ดื่มเลือดจากเป็ดที่ถูกพืชมีพิษ นามของพระองค์ต่อมาถูกนำมาใช้ตั้งเป็นชื่อสกุลของต้นไม้ว่า Eupatorium พวกสกุลนี้ยังแยกออกเป็นชนิดต่างๆ ได้ 40-1,000 ชนิด ต่อมากษัตริย์ ไมทริเดส สิ้นพระชนม์ลงยาต้านพิษตำรับของพระองค์ถูกพัฒนาปรับปรุงโดย แอนโดรมาชุส (Amdromachus) แพทย์ประจำพระองค์กษัตริย์นีโร จนกลายเป็นตำรับใหม่ชื่อว่า Andromachus theriac มีส่วนประกอบด้วย 70 ส่วนของผัก แร่ธาตุและเนื้อสัตว์


ในศตวรรษที่หนึ่งนายแพทย์ผู้หนึ่งชื่อ ปลีนี (Pliny)เขียนหนังสือชุด "ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ" เป็นการรวมรวบตำรับตำราของทั้งกรีกและโรมันนับพันๆ เล่มเขียนขึ้นเป็นชุดเนื้อหาสาระของชุดหนังสือนี้ถูกถ่ายทอดตกมาเป็นการรักษาแบบพื้นบ้านชนชาวยุโรปและอเมริกา ประวัติศาสตร์ธรรมชาตินำเสนอข้อบัญญัติที่ว่า นานมาแล้วที่ธรรมชาติได้เกื้อหนุนและสนองต่อมวลมนุษย์จะมีพืชพรรณนานาชนิดอย่างอุดมสมบูรณ์รองรับความต้องการของมนุษย์ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นอาหาร, เครื่องนุ่งห่ม, ที่อยู่อาศัยและยารักษาโรค ในช่วงเวลาเดียวกับปลินี่ก็มีนายแพทย์ที่โด่งดังอีกท่านหนึ่งชื่อว่า กาเลน(Galen) ประกอบอาชีพแพทย์อยู่ในกรุงโรม ในตอนแรกกาเลนจะสนใจศึกษาอยู่กับเรื่องราวของสัตว์มากกว่าเรื่องของพืช เขาปฏิวัติวงการแพทย์โดยนำการทดลองกับสัตว์และเฝ้าสังเกตเชิงวิทยาศาสตร์ แม้ว่าหลายๆ ทฤษฎีที่กาเลนตั้งขึ้นจะถูกพิสูจน์ภายหลังว่า ผิดเพราะว่า กาเลนสมมุติให้ร่างกายของสัตว์เหมือนร่างกายของคน ยาที่ทดลองกับสัตว์ได้ผลแล้วมาทดลองกับคนโดยตรงทันที แม้นจะถือได้ว่าเขาเป็นคนแรกที่บุกเบิกการทดลองการแพทย์แต่ก็ไม่มีผู้สนใจบรรดาศานุศิษย์ของเขาต่อมายังยกให้เป็นเรื่องของการคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดเพราะเขารักษาโรคโดยใช้สิ่งที่ดีทีสุดที่เขาค้นหาและเลือกสรรมา การรักษาของกาเลนจะใช้พืชสมุนไพร ส่วนพวกศานุศิษย์ของเขาได้เพิ่มเติมพวกแร่ธ่าตุไปด้วย ในยุคของกาเลนนี้จะเกิดทฤษฏีของการรักษาสองแบบคือ หลักการที่ว่าให้แก้ไขรักษาโรคโดยสิ่งที่มีคุณสมบัติอยู่ตรงข้ามกับโรค (The divergent medical theories of allopathic) และอีกหลักการที่ว่า รักษาโรคด้วยตัวยาที่เหมือนกับมัน (Homeopathic)

No comments:

Post a Comment